เมื่อกำลังเดินกันอยู่ในป่าพระพุทธเจ้าท่านกำใบไม้ที่เรี่ยราดอยู่
ขึ้นมากำมือหนึ่ง
แล้วถามภิกษุทั้งหลายในที่นั้นว่า
ใบไม้ที่กำขึ้นมานี้กับใบไม้หมดทั้งป่ามันมากน้อยกว่ากันกี่มากน้อย
ภิกษุทุกคนในที่นั้น
ตอบว่า มันต่างกันมาก
จนเทียบกันไม่ไหว
พระพุทธเจ้าจึงบอกว่านี่มันอย่างนี้
เรื่องที่ตรัสรู้และรู้นั้นมันมากเท่ากับใบไม้ทั้งป่า
แต่เรื่องจำเป็นที่ควรรู้
ควรนำมาสอนและนำมาปฏิบัตินั้นเท่ากับใบไม้กำมือเดียว
คราวหนึ่ง
มีคนไปทูลถามพระพุทธเจ้า
โดยทูลว่าพระพุทธวจนะทั้งหมดที่ตรัส
ถ้าจะสรุปให้สั้นเพียงประโยคเดียวได้หรือไม่จะว่าอย่างไร
พระพุทธเจ้าท่านว่าได้
พระองค์ตรัสว่า
สพฺเพ ธฺมา นาลํ
อภินิเวสาย
แล้วพระองค์ทรงย้ำว่า
ถ้าใครได้ฟังข้อความนี้คือได้ฟังทั้งหมดในพระพุทธศาสนา
ถ้าได้ปฏิบัติข้อนี้ก็คือได้ปฏิบัติทั้งหมดในพระพุทธศาสนา
ถ้าได้รับผลจากการปฏิบัติข้อนี้ก็คือได้รับผลทั้งหมดในพุทธศาสนา
สัพเพ ธรรมมา แปลว่า สิ่งทั้งปวง
นาลัง แปลว่า ไม่ควร
อภินิเวสาย แปลว่า เพื่อจะยึดมั่นถือมั่น
สพฺเพ ธฺมา นาลํ
อภินิเวสาย:
สิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
ืnote 1 นิพพานคือทางสายกลาง ก็ท่องกันไป ไม่รู้มันคืออะไร คือกลางระหว่างบุญและบาป กลางระหว่างดีและชั่ว ระหว่างนรกและสวรรค์ 2 บุญและบาปไม่มีจริง นรกสวรรค์ไม่มีจริง มันเกิดจากอุปาทาน "สิ่งไหนตัวชอบก็บอกว่าบุญ สิ่งไหนตัวไม่ชอบก็บอกว่าบาป" แต่กรรมมีจริง ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แต่ยังไม่ใช่พุทธแท้ๆ ความรู้เรื่องกรรมสอนกันก่อนพุทธกาล มีการบำเพ็ญตบะให้เกิดชาติหน้าดีขึ้นด้วยซ้ำ พระพุทธเจ้าเอาชนะกรรมได้ ชนะเกิดแก่เจ็บตาย เมื่อหมดความรู้สึกที่ว่าตัวกู(ไม่ยึดมั่นถือมั่นในตัวตนของตัวเอง)แล้วกฏแห่งกรรมจะค้นหาตัวเราไม่พอ มันจะตามสนองไม่ได้ |
อันความงามมีอยู่ตามหมู่ซากผี
อันความดีอยู่ที่ละสละยิ่ง
ความเป็นพระอยู่ที่เพียรบวชเรียนจริง
นิพพานดิ่งอยู่ที่ตายก่อนตายเอย
กลอนนี้หลวงพ่อพุทธทาสว่าเอามาจากคำของคนโบราณกล่าวกันว่า "งามอยู่ที่ผี ดีอยู่ที่ละ พระอยู่แค่บวชเรียนจริง นิพพานอยู่แค่ตายก่อนตาย"
แต่ผมมาคิดต่อว่า ภาษาปักษ์ใต้นั้น "บานอยู้แค่ไหน้" แปลว่า บ้านอยู่ที่ไหน
"อยู่แค่"
นั้นแปลว่า "อยู่ที่"
ซึ่งก็คือคนโบราณปักษ์ใต้เขาว่า
"งามอยู่แค่ผี
ดีอยู่แค่ละ"
ฟังแล้วแปลดู งามอยู่แค่ผี
คือ
คนสวยจะสวยแค่ไหนก็ตายกลายเป็นผี
ดีอยู่แค่ละ คือ ความดีนั้น
จะดีแค่ไหนสุดท้ายก็แค่ละ
เช่นเจ้าชายสิททัตถะทำความดีสะสมมาจนเกิดเป็นลูกกษัตริย์,หล่อสุดๆ,
มีเนื้อคู่สวยสุดๆ,เก่งทุกทาง
(ดาบ ธนู ขี่ม้า)
มีม้าสุดยอดใช้
สุดท้ายก็ตรัสรู้และละ
เพราะว่าพอรู้ว่าใครที่ไม่ถึงนิพพาน
ต้องเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฎไม่รู้จบ
พอรู้ทุกสิ่งแล้วจะพบว่า
ทางที่เลือกคือพระนิพพาน
เหนือบุญบาป
เหนือสังสารวัฎ
พระอยู่แค่บวชเรียนจริง คือไม่ใช่ไปทำอย่างอื่นมากมาย หรือต้องมีสมณะศักดิ์ ลาภยศใดๆ
นิพพานอยู่แค่ตายก่อนตาย คือไม่ใช่เมืองแก้วสารพัดนึก หรือสวรรค์วิมานอะไร นิพพานคือกิเลสตายไปจากตัวเรา(เชื้อโรคทางวิญญาณตายไป) ก่อนที่เราจะตายแค่นั้นเอง
สระนาฬิเกร์นี้เป็นของที่ทำขึ้นให้สะดุดตา มีไอเดียมาจากบทเพลงกล่อมลูกของคนโบราณ
เอ่อน้องเอย มะพร้าวนาฬิเกร์ ต้นเดียวโนเน กลางทะเลขี้ผึ้ง
ฝนตกไม่ต้อง ฟ้าร้องไม่ถึง กลางทะเลขี้ผึ้ง ถึงได้แต่ผู้พ้นบุญเอย
สรุปสั้นๆคือว่า ต้นมะพร้าวเปรียบเสมือนนิพพาน น้ำเปรียบว่าเป็นทะเลขี้ผึ้งซึ่งก็เปรียบว่าเป็นสังสารวัฎอีกทีนึง
ทะเลขี้ผึ้งก็ ขอให้นึกถึงน้ำตาเทียน คือมันจะมีบางส่วนแข็ง บางส่วนเหลว ขลุกขลิก ปนกันมั่วไปหมด ส่วนแข็งอาจสมมุติว่าเป็นดี ส่วนเหลวอาจจะเป็นชั่วมั้งครับ
มันเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฎกัน คนไหนทำดีมากเกิดใหม่ก็สบาย คนไหนทำชั่วมากเกิดใหม่ก็รับกรรมมาก ; บุญบาปดีชั่วก็มั่วกันอยู่ในนั้นแหละ
ที่ว่านิพพานอยู่ไกล อยู่ฝั่งโน้นฝั่งนี้ นั่นเป็นคำพูดของคนไม่รู้ธรรมมะ
ความจริง มีทุกข์ที่ไหน ดับทุกข์ที่นั่น นิพพานก็เกิดที่นั่น นิพพานอยู่ในใจกลางของสังสารวัฎนั่นเอง
สระนี้เป็นมหรสพทางวิญญาณ สวนโมกข์ทั้งหมดก็เป็นมหรสพทางวิญญาณ
สวนโมกข์มีเพื่อช่วยให้สะดวกในการเข้าใจธรรม,เป็นเกลอกับธรรมชาติ ที่ไหนก็เป็นสวนโมกข์ได้ เพียงแต่ที่บ้านบางที่มีสิ่งรบกวนเท่านั้นเอง
นางงามสวนโมกข์